วิธีใช้ Channel Manager และ PMS ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจโรงแรมของคุณ

วิธีใช้ Channel Manager และ PMS ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจโรงแรมของคุณ การจัดการโรงแรมให้มีประสิทธิภาพในยุค Digital ดิจิทัล จำเป็นต้องมีระบบที่ช่วยบริหารข้อมูลได้อย่างครบวงจร

“Channel Manager” และ “PMS (Property Management System)” จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่จะช่วยให้การจัดการห้องพัก การรับจอง และการสื่อสารกับลูกค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการใช้ Channel Manager และ PMS ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเคล็ดลับที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมของคุณ

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกับ เจ้า 2 ระบบนี้ให้ชัดเจนกันก่อนดีกว่านะ - Channel Manager: เป็นระบบที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการและซิงค์ข้อมูลห้องพักบนแพลตฟอร์ม OTA ต่างๆ เช่น Booking.com, Agoda ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยป้องกันการจองซ้ำซ้อน (overbooking) หรือบางทีก็การจองล้น และยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการปรับราคาห้องพักตามความต้องการได้ด้วย คุณจะมีขายห้องพักใน 5-10 OTAs ก็ตัดปัญหาวุ่นวายได้ ภายในระบบเดียวเลย - PMS (Property Management System) คือ ระบบบริหารจัดการทรัพย์สิน หรือเรียกว่า ช่วยคุณจัดการหลังบ้าน ใช้ดูแลข้อมูลการจอง การเช็คอิน/เช็คเอาท์ บัญชีลูกค้า รายงานทางการเงิน ฯลฯ โดยครอบคลุมทุกส่วนในการจัดการโรงแรม

ทีนี้ ก็ไปรู้จักกับประโยชน์ของพวกเขาทั้งสองกันได้เลย

1. ใช้ Channel Manager เพื่อเพิ่มยอดจองโดยอัตโนมัติ

การใช้ Channel Manager ช่วยให้คุณสามารถซิงค์ห้องพักและราคาบนหลายแพลตฟอร์มได้ในคลิกเดียว ซึ่งช่วยให้การจัดการห้องพักง่ายขึ้น และป้องกันความเสี่ยงที่ห้องจะถูกจองซ้ำ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าราคาอัตโนมัติในช่วงที่มีความต้องการสูง เช่น ฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ใช้ PMS เพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้า

PMS ไม่ได้แค่ช่วยจัดการห้องพักแต่ยังช่วยเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับลูกค้า เช่น ประวัติการเข้าพัก ความชอบ และข้อคิดเห็นจากลูกค้าทำให้คุณสามารถปรับปรุงการบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น การเสนอห้องพักที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า หรือมอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าที่เข้าพักเป็นประจำ

4. ตั้งค่าการแจ้งเตือนอัตโนมัติสำหรับการจอง

Channel Manager และ PMS ส่วนใหญ่มีฟีเจอร์การแจ้งเตือนอัตโนมัติที่สามารถส่งข้อมูลการจองไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องได้ทันที เช่น แจ้งแผนกแม่บ้านเกี่ยวกับจำนวนแขกที่เข้าพักหรือเตรียมห้องพักล่วงหน้า การใช้ฟีเจอร์นี้จะช่วยลดการสื่อสารผิดพลาดและเพิ่มความสะดวกในการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ใช้รายงานและข้อมูลเชิงลึกเพื่อวางแผน

ระบบ Channel Manager และ PMS มักมาพร้อมกับรายงานที่ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการจอง, อัตราการเข้าพัก, และรายได้จากแต่ละช่องทาง คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแผนการตลาด เช่น การตั้งราคาเฉพาะในช่วงเทศกาล หรือการเสนอแพ็กเกจพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ

6. สร้างโปรโมชั่นและแคมเปญผ่าน Channel Manager

Channel Manager ช่วยให้คุณตั้งค่าโปรโมชั่นที่ปรับแต่งได้ตามฤดูกาลหรือตามความต้องการของลูกค้า เช่น ลดราคาห้องพักในช่วง Low Season หรือเสนอโปรโมชั่นสำหรับการจองล่วงหน้า การใช้โปรโมชั่นเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการจองจากช่องทางออนไลน์ และช่วยดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น

7. ใช้ PMS ในการจัดการลูกค้ากลุ่มองค์กร

การมี PMS ทำให้คุณสามารถจัดการการจองจากลูกค้ากลุ่มองค์กรได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจองห้องประชุม การบริการอาหารและเครื่องดื่ม หรือบริการพิเศษอื่น ๆ โดยสามารถตั้งราคาพิเศษสำหรับการจองกลุ่มหรือการประชุมสัมมนาได้ ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กร

8. เลือกใช้ระบบ Channel Manager และ PMS ที่เหมาะกับขนาดของโรงแรม

ไม่ว่าคุณจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กหรือใหญ่ การเลือกใช้ระบบที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจจะช่วยให้บริหารจัดการได้สะดวกขึ้น โรงแรมขนาดเล็กอาจไม่ต้องการฟีเจอร์ที่ซับซ้อนเกินไป ในขณะที่โรงแรมขนาดใหญ่ควรเลือกระบบที่มีการปรับแต่งฟีเจอร์ได้หลากหลาย เพื่อรองรับการดำเนินงานที่มีความซับซ้อน
การใช้ Channel Manager และ PMS อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยให้การบริหารจัดการโรงแรมเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ยังสามารถเพิ่มยอดจอง ลดต้นทุน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน หากคุณกำลังมองหาวิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโรงแรม การใช้ Channel Manager และ PMS ที่เหมาะสมกับขนาดและลักษณะธุรกิจของคุณจะเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้